ผลิตภัณฑ์ CFD คืออะไร

CFD หรือ Contract for Difference เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง เช่น หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Cryptocurrency นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงของราคา ซึ่งทำให้ CFD เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นและเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสในการทำกำไรในระยะสั้น

เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียการเทรดหุ้นต่างประเทศ ผ่านโบรกเกอร์ทั่วไป กับโบรกเกอร์ CFD

โบรกเกอร์ทั่วไป

ข้อดี

  • การถือครองสินทรัพย์จริง
  • ได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ปันผล หรือสิทธิออกเสียงในบริษัท

ข้อเสีย

  • ใช้เงินลงทุนสูง
  • ขั้นตอนเปิดบัญชีและทำธุรกรรมยุ่งยาก

โบรกเกอร์ CFD

ข้อดี

  • ใช้เงินลงทุนต่ำกว่า
  • มี Leverage ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
  • สามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

ข้อเสีย

  • มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการใช้ Leverage
  • ไม่มีสิทธิประโยชน์ที่มาพร้อมกับการถือหุ้นจริง

ผลิตภัณฑ์ CFD ที่สามารถเทรดได้ผ่านโบรกเกอร์เหล่านี้

โบรกเกอร์ CFD เปิดโอกาสให้นักลงทุนเลือกสินทรัพย์ที่หลากหลายในการเทรด เช่น:

  • หุ้นต่างประเทศ: Apple, Tesla, Microsoft
  • ดัชนีตลาดหลักทรัพย์: NASDAQ, S&P 500, FTSE 100
  • สินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำ, น้ำมันดิบ, เงิน
  • Forex: EUR/USD, GBP/JPY, AUD/USD
  • Cryptocurrency: Bitcoin, Ethereum, Ripple

การเทรดหุ้นแบบ CFD เหมาะกับใครและไม่เหมาะกับใคร

เหมาะกับใคร

  • นักลงทุนที่มีเงินทุนเริ่มต้นน้อย
  • ผู้ที่ต้องการทำกำไรในระยะสั้น
  • ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการลงทุน

ไม่เหมาะกับใคร

  • นักลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้
  • ผู้ที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ในระยะยาว
  • ผู้ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับ Leverage และการบริหารความเสี่ยง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรดหุ้นต่างประเทศ

CFD ต่างจากการซื้อหุ้นจริงอย่างไร?

นักลงทุนไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง และสามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ แต่ส่วนใหญ่มักเริ่มต้นที่หลักร้อยหรือหลักพันบาท

Leverage คือการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการรับรองและมีชื่อเสียงในตลาด

การเสียภาษีขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศที่คุณอาศัยอยู่